ยงเพียงสกีรีสอร์ท เป็นสกีรีสอร์ทที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวมานาน ถือเป็นสกีรีสอร์ทยอดฮิตเลยก็ว่าได้ แถมที่นี่เคยเป็นที่ถ่ายทำซีรีย์เรื่องดัง “Winter Love Song” และยังเป็นที่จัดงานกีฬาฤดูหนาวระดับโลก พวก World Cup Ski Contest และเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฤดูหนาวแห่งเอเชียปี 1999 ด้วยน่ะ


ยงเพียงสกีรีสอร์ทตั้งอยู่ที่ภาคตะวันออกของประเทศเกาหลีใต้ ในจังหวัดคังวอนโด Gangwon-Do การเดินทางจากโซลไปก็ใช้เวลาพอสมควร ประมาณ 2.30-3.30 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรด้วย เพราะถ้าไปช่วงเทศกาล รถจะติดมาก) ที่นี่เค้าทำเนินสกีไว้หลากหลาย ให้สำหรับนักท่องเที่ยวเลือกบริการตามความถนัดของตัวเอง มีเนินแบบเตี้ยๆ สำหรับผู้ที่เคยเล่นสกีเป็นครั้งแรก แบบว่าลองทดสอบเดินโดยใส่รองเท้าสกี หรือจะเป็นสำหรับนักสกีสมัครเล่นมือใหม่พอเล่นได้บ้าง และ สำหรับนักสกีมืออาชีพผู้เชียวชาญมีใบอนุญาติการเล่นสกี รวมๆแล้วมีราวๆ 31 เนินได้ (ถือว่าเป็นสกีรีสอร์ทที่ใหญ่มากเป็นอันดับต้นๆของประเทศ) ถ้านักท่องเที่ยวบางคนไม่เน้นเล่นสกี แต่เน้นถ่ายรูป ชมวิว ก็สามารถขึ้นกอนโดล่า ไปชมวิวบนยอดเขา Balwangได้อีกด้วย ด้านบนเขาจะเป็นลานสกีขนาดใหญ่ เห็นวิวภูเขาสวยมาก และอากาศก็จะหนาวมากด้วย ตอนกลางคืนหากใครอยากจะออกมาเดินเล่นก็ได้น่ะ ถ่ายรูปชมวิวไปเรื่อยๆจะมาสะดุดตากับหอนาฬิกา ที่บอกที่ทั้งเวลา และ อุณหภูมิ ตัวใหญ่เลย (ตกใจตรงอุณหภูมิที่มานติดลบสิบกว่าๆเนี่ย 555+) ตอนกลางคืนหนาวมากจริงๆ
และในปี 2013 ที่นี่เค้าถูกใช้เป็นที่จัดเทศกาลสำหรับคนไทย เรียกว่าเทศการหิมะเมษายน 2556 หรือ April Snow Festival 2013 มีจัดขึ้นในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ซึ่งโดยปกติในช่วงเมษายนจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ หิมะจะละลายหมดแล้ว แต่ที่นี่เค้าจะทำหิมะเทียมขึ้นมา เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวไทยไปเล่น ไปสัมผัสประเทศเกาหลีใต้ 2 ฤดูกาล ในครั้งเดียว และแถวๆๆยงเพียงสกีรีสอร์ท ยังมีที่เที่ยวอื่นๆให้แวะอีกมากมาย เช่น อุทยานแห่งชาติซอรัคซานให้นักท่องเที่ยวได้แวะชมอีกด้วย
ป้อมฮวาซองถือเป็นโบราณสถานเก่าแก่ สร้างประมาณ 200 กว่าปีมาแล้ว ในสมัยโชซอน ช่วงของพระเจ้าจองโจ เดินทางได้ง่ายๆ จากโซลก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน สาย 1 ไปลงที่สถานีซูวอน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงหน่อยๆ และต่อรถเมย์สาย 11, 13, 36 หรือ 39 (ป้ายฝั่งเดียวกับ Tourist Information) รถเมล์จะวิ่งผ่านป้อม Paldalmun เข้าไปภายในวงล้อมกำแพง บรรยากาศโดยรอบก็จะเป็นแนวกำแพงยาวๆ มองดูแข็งแรงมั่นคง สมกับที่เป็นป้อมปรการที่ยิ่งใหญ่ในอดีต สร้างด้วยหินกับอิฐเผา มีป้อมอยู่รอบๆ เป็นช่วงๆ ตลอดแนวกำแพง หากใช้เวลาเดินให้รอบจริงๆ อาจต้องใช้เวลาเป็นวัน และคงเดินกันเมื่อยเลยทีเดียว เนื่องจากป้อมนี้มีขนาดกว้างใหญ่และยาวถึง 5.5 กิโลเมตรโอบล้อมรอบเมืองซูวอน ผู้คนส่วนใหญ่มักเห็นว่าป้อมมีรูปร่างเหมือนดอกไม้ บางคนจึงเรียกว่า ป้อมดอกไม้ นักท่องเที่ยวที่ไม่อยากเดิน ก็มีบริการรถไฟหัวมังกรสีแดงทั้งคัน แบ่งที่นั่งเป็นตอนๆ ให้นักท่องเที่ยวนั่งรถไฟชมป้อมพร้อมเก็บภาพสวยๆ จากบนรถไฟด้วย รถไฟจะแล่นมาถึงจุดสุดท้ายที่จุดซ้อมยิงธนู มีผู้คนมาลองยิงธนูพร้อมถ่ายรูปกันมากมาย ซึ่งถือว่าเป็นกีฬาโบราณของเกาหลี ที่เป็นที่นิยมมากในสมัยก่อน นักท่องเที่ยวสามารถมาประลองความเม้นยำกันได้ ที่ป้อมฮวาซองนี้ เป็นที่จัดงานสำคัญๆ หลายงาน ของเมือง เนื่องจากถือว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองซูวอน อาทิเช่น งานฉลองปีใหม่ ชาวเมืองซูวอน และใกล้เคียงก็จะมาร่วมเฉลิมฉลองกันที่นี้ หรืองานเทศกาลๆอื่นๆของเมืองก็ล้วนจัดที่ป้อมนี้เช่นกัน เป็นที่เที่ยวเกาหลีอีกที ที่คนนักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเลย ใครที่ไปเที่ยวเกาหลี มาหลายรอบแล้ว คงจะได้แวะไปเยี่ยมชมความยิ่งใหญ่ของป้อมฮวาซองนี้กันนะค่ะ



ที่เที่ยวแห่งใหม่ในเกาหลี ตั้งชื่อตามสีสันของอาคารที่ฉูดฉาด มีการเล่นสีตามตัวอาคารแบบงดงาม เหมาะสำหรับไปเก็บภาพถ่ายที่ให้สีสันสวยงาม สามารถเดินทางไปได้ทั้งปี โดยจะอยู่ในเมืองพาจู (Paju)ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงโซล ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร หรือถ้าลงจากเครื่องบินที่สนามบินอินชอน ก็ขึ้นเหนือไปไม่ไกลมาก อยู่ติดชายแดนของเกาหลีเหนือเลยทีเดียว หมู่บ้านโพรวองซ์นี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการถ่ายรูปเป็นอย่างยิง  

รับรองว่าท่านจะต้องประทับใจ และได้ภาพสวยๆกลับบ้านติดไม้ติดมือไปคนละไม่น้อยทีเดียว นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศสไตล์ฝรั่งเศส ทำให้เป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านที่คนเรียกกัน เรียกได้ว่ามาเที่ยวเกาหลี และยังได้บรรยากาศแบบยุโรปด้วย ภายในหมู่บ้านถูกเติมแต่งความสดใสไว้อย่างงดงาม บ้านเรือนที่ถูกระบายสีสันต่างๆ มองดูหวานๆ ให้สีสด เหมือนลูกกวาดหลากสี จึงทำให้หมู่บ้านนี้ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า หมู่บ้านสีลูกกวาด บางที่ก็เรียกว่า หมู้บ้านฝรั่งเศส นั้นเอง ด้านในมีร้านค้าที่จัดร้านน่ารักๆ กุ๊กกิ๊กๆ สมกับเป็นเกาหลี ทั้งร้านขายเบเกอรี่ กิ๊ฟช้อป ร้านขายเครื่องครัว ร้านขายต้นไม้และดอกไม้ ร้านขายไอศกรีม ให้นักท่องเที่ยวได้ทั้งช้อป ทั้งชิม ทั้งแชะ จึงเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกทีหนึ่งของเกาหลีใต้เลยทีเดียว ถึงแม้บริเวณรอบๆหมู่บ้านจะมีพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก ใช้เวลา 30 นาที ก็น่าจะถ่ายรูปเก็บภาพสวยๆได้ทั่วแล้ว แต่เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากโซลมากทำให้นักท่องเที่ยวแต่ละวันมีจำนวนมากทีเดียว โดยไม่คิดค่าเข้า เรียกได้ว่าคุ้มสุดคุ้ม และที่สำคัญมีละครหลายเรื่องก็มาถ่ายทำ และใช้ location ของที่นี่ เช่นกัน เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวในเกาหลี ที่คนไทยนิยมไปกัน




เดือนเมษายน เทศกาลผีเสื้อฮัมเปียง และแมลง (Hampyeong Butterfly Festival) จัดขึ้นที่ อุทยานริมน้ำฮัมเปียงและพื้นที่เกษตรกรรมสิ่งแวดล้อมฮัมเปียง จังหวัดชลลานัม-โดเดินทางโดยรถโดยสารจากสถานีขนส่งโซลไปยังฮัมเปียง จังหวัดชลลานัม-โด แล้วเดินต่อไปอีก 5 นาที ผู้เข้าชมจะได้เห็นถึงความอัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่รวมความยิ่งใหญ่ของผีเสื้อและแมลงนับหมื่นๆตัว มาบินให้นักท่องเที่ยวได้ชมบริเวณเหนือทะเลแห่งดอกไม้นานาพรรณในพื้นที่ถึง 33 ล้านตารางเมตรในเมืองฮัมเปียง ซึ่งในปี 2003 ได้ถูกกำหนดให้เป็น "เทศกาลการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม" ด้วย ภายในงานยังมีนิทรรศการผีเสื้อ มีการศึกษาการบินของผีเสื้อ จัดแสดงตัวอย่างของผีเสื้อและแมลงอื่น การประกวดภาพเขียนและการแสดงต่างๆ อีกมากมาย




จังหวัดคังวอน ชม TEDDY BEAR FARM สวรรค์ ของผู้ชื่นชอบตุ๊กตาหมี TEDDY BEAR ที่นี่เป็นที่จัดแสดงเกี่ยวกับหมีเท็ดดี้จากทั่วโลก ตื่นตาตื่นใจกับความน่ารักของตุ๊กตาหมีที่นำมาแต่งตัวแบบเกาหลีในยุค และเทศกาลต่างๆ โดยจัดเป็นโซนไว้อย่างลงตัว ท่านจะได้พบกับหมี ALFRED ในละคร  PRINCESS HOUR,  ตุ๊กตาหมีแนว  HIP HOP หมีในชุดนางเงือกที่ท่านอาจไม่เคยพบเห็นที่ไหน หมีในรูปแบบอิริยาบถต่างๆ รวมถึงสวนขนาดย่อมที่ผนังตกแต่งไปด้วยโมเสดรูปหมี ให้ท่านได้สัมผัสตุ๊กตาหมีตัวโตแบบแนบชิดและเก็บภาพความประทับใจ เพลิดเพลินกับความน่ารักของบรรดาหมีเท็ดดี้หลากหลายชนิด 
ค่าเข้าผู้ใหญ่ 5000 วอน

Added on 09:53



สวนเทพนิยายเกาหลี Korea Venezia หรือ Herb Island แหล่งนี้ตั้งอยู่ใน Pochon  จังหวัด  Gyeonggi เป็นสวนพฤษชาติสมุนไพรในร่มที่ใหญ่มาก บวกกับจำลองบรรยากาศคล้ายกับประเทศอิตาลี สวนเทพนิยายเกาหลี ประกอบไปด้วยโซนต่างๆๆ หลายโซนอาทิ น้ำพุเทรวี และเมืองโรแมนติกอย่างเวนิซ ที่ท่านสามารถนั่งเรือกอนโดล่าได้ที่นี่ ไม่ต้องไปไกลถึงอิตาลี   โซนส่วนสวนสมุนไพร โซนสวนดอกไม้นาๆๆชนิด โซนของที่ระลึก   ท่านสามารถหาความสุขได้ไม่แค่ได้ชมเท่านั้น ท่านยังสามารถชิมขนมขึ้นชื่อ และดื่มชาสมุนไพรได้  ขนมปังกระเทียมที่ขึ้นชื่อ มาแล้วต้องลองแวะชิมดูว่าอร่อยที่สุดในเกาหลี และอร่อยที่สุดในโลกหรือเปล่า กับบรรยากาศสบายๆๆ น่ารักๆๆ ในสวนเทพนิยายแห่งนี้
สถานที่ตั้ง: 517-2 Samjeongri, Sinbukmyeon, Pocheon-si, Gyeonggi-do.
ค่าเข้าคนละ 3000วอน



เรารู้กันดีว่า ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของการบำรุงรักษาความงาม ผู้คนก็ใช้อาหารและพืชจากธรรมชาติเป็นเครื่องมือในการบำรุงผิวพรรณ และตกแต่งร่างกายมาโดยตลอด ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายสิบปี นักพัฒนาและผู้วิจัยได้ทำการพัฒนาสิ่งต่างๆ ทั้งที่มาจากอาหาร, พืช, ผลไม้ต่างๆ ให้กลายไปเป็นเครื่องบำรุงผิวอย่างหลากหลาย Skinfood ได้เป็นบริษัทที่เริ่มต้นในประเทศ
เกาหลี โดยเริ่มเป็นธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้หญิง
ชื่อ Skinfood ถูกตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1957 โดยกลุ่มนักธุรกิจในประเทศเกาหลี แต่ไม่ได้พัฒนาในเชิงการค้า จนถึงปี ค.ศ.2004 จึงได้เปิดเป็นเปิดเป็นร้านค้า Skinfood ในแขวง เมียงดง ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ จากนั้นก็ได้ขยายสาขาออกไปยังจุดต่างๆ อย่างกว้างขวาง ซึ่งนับเป็นบริษัทประเภทเครื่องสำอางที่มีอัตราการเติมโตเร็วเป็นอันดับต้นๆ ในประเทศเกาหลี และด้วยสารตั้งต้นของผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ จึงเป็นเครื่องสำอางที่ผู้คนนิยมเลือกใช้ 
Skinfood ได้เปิดสาขานอกประเทศเกาหลีใต้เป็นครั้งแรก ในเดือนเมษายน ค.ศ.2005 ที่ประเทศใต้หวัน และในเดือนกันยายน ค.ศ.2005 ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของเอเชียที่สามารถยืนหยัดในระดับนานาชาติได้ หลังจากปลายปี คศ.2005 เป็นต้นมา ก็ได้ทำการเปิดการสาขาจำหน่ายในประเทศสิงคโปร์, ไทย, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, และ อินโดนีเซีย ตามลำดับ
ความสำเร็จที่ได้รับความเชื่อใจจากผู้ใช้ ในผลิตภัณฑ์ Skinfood ก็คือ ที่มาของส่วนประกอบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ ที่ใช้ส่วนประกอบจากพืช ซึ่งผลที่ได้จากการสกัดจะไม่มีสี และไม่ใช้สารกันเสีย
ยังมีผลิตภัณฑ์ที่กำลังถูกคิดค้นใหม่อยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาคุณภาพเพื่อตอบสนองและรักษาผิวพรรณของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์จาก Skinfood ทุกท่าน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตามเจตจำนงของผู้ก่อตั้งว่า "เราทำผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น เสมือนประหนึ่งทำให้คนในครอบครัวเดียวกันเสมอ"





Etude House ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2005 เป็นร้านที่เรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมความงามของสาวๆ เลยทีเดียว

เพราะนอกจากจะมีสินค้าประเภทเครื่องสำอางค์แล้ว
ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมความงาม และครีมบำรุงอีกหลายอย่างที่ให้สาวๆ ได้เลือกช๊อปกัน
Etude House คือ ร้านที่เป็นศูนย์รวมความงามทั้งหมด
ราวกับว่าออกมาจากเทพนิยายเลยทีีเดียว คือ 
“ความงามดุจดั่งเจ้าหญิงในเทพนิยาย”
นั่นคือคอนเซปในการตกแต่งร้าน
บรรยากาศภายในร้านจะถูกตกแต่งไปด้วยเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ
ที่มีสีสันฉูดฉาด ดุจดั่งกำลังอยู่ในความฝัน
ด้วยบรรยากาศร้านที่แสนจะโรแมนติค
เปรียบเสมือนว่ากำลังอยู่ในห้องแต่งตัวของเจ้าหญิงในเทพนิยายที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางค์
ผลิตภัณฑ์ความงามต่างๆ สำหรับสาวๆ
ที่อธิบายเอาไว้ด้วยบรรยากาศร้านที่แสนจะโรแมนติคดั่งเทพนิยาย



Rojukiss : โรจูคิสเวชสำอางเลื่องชื่อในเรื่องการรักษาสิว ฝ้าและกระค่ะ โดยเวชสำอางตัวนี้ได้ผ่านการคิดค้นร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณของบริษัท เดิร์มแสกน จำกัด ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องสำอางให้กับหลายแบรนด์ดังทั่วโลก สินค้าที่เด่นๆของ Rojukiss เช่น Rojukiss Pore Tightening Source (ขวดเหลือง), Rojukiss AC Whitehead Clearing Source Serum (ขวดขาว) เป็นสินค้าขายดีในแถบเอเชีย

Etude : อิทูดี้โดดเด่นในเรื่องของการเมคอัพ ไม่ว่าจะเทรนด์ไหน etude ก็กินขาดในเรื่องของสีสันที่ให้ลุคสวยใสสไตล์เกาหลีจริงๆ etude จึงโด่งดังสำหรับผู้ที่ชอบเมคอัพ เพราะมีให้เลือกหลายแบบ ส่วนสินค้าที่ดังๆและยอมรับว่าดีกันทั่วแถบเอเชียก็หนีไม่พ้น etude oh-m eye liner อายไลเนอร์ที่กรีดตาได้คมกริบ เนียนเรียบ ไม่แพนด้า จนสาวๆบ้านเราก็ติดใจกับเป็นแถบ ณ ปัจจุบัน etude ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนสูตรของครีมบำรุงผิวหน้า ทำให้ยอดขายดีตามขึ้นมาเช่นกันค่ะ

skinfood : สกินฟู๊ดก่อตั้งมามากกว่า 50 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 1957 และได้รับความนิยมมาก ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 250 สาขาที่ประเทศเกาหลีใต้ และยังมีสาขาในแถงทวีปเอเชียถึง 9 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วยค่ะ เครื่องสำอาง skinfood นั้น เป็นอาหารผิวที่ผลิตจากสารสกัดที่ได้จากธรรมชาติอันบริสุทธิ์ สัญลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ skinfood เปรียบได้กับ "เทพพิทักษ์" ผู้คอยดูแลผิวพรรณ ดังนั้น skinfood จึงมีหน้าที่คอยปกป้องผิวพรรณให้คงความงามและความอ่อนเยาว์อยู่เสมอ Line สินค้าที่เด่นๆของ skinfood ได้แก่ skinfood tomato whitening, skinfood platinum grape cell, skinfood juice c serum เป็นต้น

Baviphat : เบบี้เฟซเป็นแบรนด์น้องใหม่ของเกาหลี ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ลักษณะของแพคเกจจิ้งคล้ายกับแบรนด์ benefits ของอเมริกา เปิดตัวแรงโดยใช้เจเรอมี่เป็นพรีเซ็นเตอร์แข่งกับแบรนด์ Holika Holika ของพี่ชินอู จุดเด่นของแบรนด์นี้คือ บีบี และมาส์คที่มีส่วนผสมของผลไม้รวมถึงแพคเกจเป็นรูปผลไม้ด้วย และก็คงประสิทธิ์ทำให้ผิวหน้าขาวใสด้วยสารสกัดจากผลไม้ค่ะ สินค้าเด่นๆ ของ baviphat ได้แก่ Baviphat Dream Girl Magic BB Cream Mini 8g., Baviphat Apple SC Therapy Sleeping Pack 6g. เป็นต้น

Laneige : ลาเนจ มาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่า หิมะ โลกที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวบริสุทธิ์ สื่อให้เห็นถึงความรู้สึกของโลกอันบริสุทธิ์ สะอาด เงียบสงบ สื่อถึงผิวพรรณอันสะอาดสวยและบริสุทธิ์ ก็คือ ใบหน้าสวยใสเปี่ยมด้วยความสุข เครื่องสำอาง laneige ได้พรีเซ็นเตอร์อย่าง ซอง เฮ เคียว ดาวค้างฟ้าของเกาหลีมาร่วมใช้ผลิตภัณฑ์และบอกกล่าวว่าหลังใช้แล้วเธอรู้สึกอย่างไร ทำให้ยอดจำหน่ายของ Laneige เติบโตอย่างต่อเนื่องช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และในประเทศไทยก็มีเครื่องสำอาง laneige ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 โซนเคาน์เตอร์แบรนด์ของทุกห้างสรรพสินค้า และเป็นที่ยอมรับของทุกๆคน สินค้าที่โดดเด่นของ laneige ก็คือ Water Bank Essence และ Water Bank Sleeping Pack_ex ซึ่งหลังจากการใช้เพียงครั้งเดียวจะรู้สึกได้ว่าหน้าอิ่มเอิ่มสดใส เหมือนผิวหน้าได้รับการเติมน้ำหล่อเลี้ยงของผิว ล่าสุดlaneige เปิดตัว Line สินค้าใหม่ ก็คือ laneige white plus renew นอกจากขาวใสแล้วยังช่วยลดริ้วรอยด้วย

Welcos : เวลโคส แบรนด์น้องใหม่มาแรงและแซงหลายๆแบรนด์สำหรับ บีบี เพราะเครื่องสำอาง welcos โดดเด่นจริงๆเรื่องบีบีที่ให้การปกปิดที่เนียนเรียบ ทำให้หน้ากระจ่างใสทันที ไม่เหนอะหนะ พร้อมสารบำรุงพิเศษที่ช่วยลดอักเสบด้วยทำให้แบรนด์น้องใหม่มาที่หลังแต่แซงแบรนด์ตัวอื่นไปอย่างมากค่ะ สินค้าที่เด่นของ welcos ชื่อว่า Welcos Therapy No Make Up Face Blemish Balm SPF30 PA++ ซึ่งทางร้านมีจำหน่ายทั้งขนาดปกติและขนาดทดลองเพียง 10 บาทเท่านั้นค่ะ

The face shop : เดอะเฟสชอปผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ที่รังสรรค์เพื่อผิวชาวเอเชียโดยเฉพาะ สินค้าที่โดดเด่นที่สุดของ the face shop ก็คือ base ทำให้ผิวหน้าเนียนเรียบใส สีผิวสม่ำเสมอ มีให้เลือก 2 สี คือ สีเขียว และสีม่วง ชื่อสินค้าก็คือ The face shop Lovely Me-Ex Make Up Base 40ml. ตัวนี้ must have จริงๆค่ะ

Holika Holika : แบรนด์น่ารักสไตล์แม่มดเน้นสีม่วง เพื่อเพิ่มความดึงดูดของแพคเกจสินค้า เป็นแบรด์เกิดใหม่จากเกาหลีมาไม่นาน แต่ยอดขายไม่ธรรมดาจริงๆค่ะ สาวๆเกาหลีพากันแห่ซื้อสินค้าสไตล์แม่มดด้วยแพคเกจจิ้งที่สวยงามสีม่วงดุจมีเสน่ห์เย้ายวน และสินค้าที่มีจุดเด่นไม่เกมือนใคร อย่างเช่น สบู่ไข่สำหรับล้างหน้า ชื่อสินค้าคือ Holika Holika Green Tea Egg Soap สบู่ล้างหน้ารักษาสิว คงน้ำหล่อเลี้ยงผิวและไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งตึง หรือ มาสคาร่าหัวลูกบอลที่เข้าถึงขนตาทุกเส้นโดยไม่ทำให้ขนตาเกาะติดกัน ชื่อสินค้าคือ Holika Holika Magic Pol Mascara 9ml. และแผ่นมาส์คชีทต่างๆของ holika holika ก็มีคูณภาพใช้แล้วเห็นผล ทำให้เปิดแบรนด์เกิดใหม่ได้อย่างสวยงามใน 3 ปีที่ผ่านมา

ถือเป็นเทศกาลประจำปีของเกาหลีที่กำลังโด่งดังมากไปทั่วโลก ทำให้หาดแทชอน จังหวัดชุงชองนัม-โด
ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับจัดเทศกาล ได้กลายเป็นเป้าหมายแห่งใหม่ของนักท่องเที่ยว
ที่ได้มาสัมผัสและบอกต่อๆ กัน จนทำให้มีผู้คนหลากเชื้อชาติมาเยือนที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี
แล้วทำไมผู้คนนับล้านคน ถึงต้องมาที่ประเทศเกาหลี เพียงเพื่อละเลงโคลนไปทั่วตัวแบบนี้ด้วย
คำตอบก็คือโคลนบนชายหาดแทชอนแห่งนี้ มีชื่อเสียงเรื่องความอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีคุณประโยชน์
ต่อร่างกาย โดยเฉพาะมีธาตุเจอร์มาเนียมในปริมาณสูง ช่วยในการบำรุงผิวพรรณ

สำหรับจุดเริ่มต้นของเทศกาล ย้อนไปเมื่อปี 1996 ทางจังหวัดชุงชองนัม-โด ได้เริ่มต้น
ประชาสัมพันธ์แหล่งทรัพยากรธรรมชาติท้องถิ่นแห่งนี้ก่อน ในด้านสินค้า ผลิตภัณฑ์
และเครื่องสำอางบำรุงผิวจากโคลน จนสองปีต่อมาคือ ปี 1998 จึงได้เริ่มจัดตั้งเทศกาลโคลนนี้ขึ้น
เพื่อเป็นตัวช่วยสำหรับการโปรโมตสินค้าดังกล่าวอีกทอด จนในที่สุดเมื่อผ่านมาสิบกว่าปี
เทศกาลนี้กลับเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศและยังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกอีกด้วย

เมื่อถึงวันงานเทศกาลซึ่งจะจัดในเดือนกรกฏาคมของทุกปี โคลนสีเทาเนื้อเนียน อุดมด้วยแร่ธาตุจำนวนมาก
จากใต้ทะเลบริเวณชายหาด จะถูกนำขึ้นมารวมไว้บนหาดบริเวณจุดที่จัดงาน
จากนั้นกิจกรรมสนุกสนานหลายประเภทก็จะเริ่มต้นขึ้น ทั้งสไลเดอร์โคลน แข่งมวยปล้ำในบ่อโคลน
เล่นปาโคลนและละเลงโคลนใส่กันในบ่อโคลนขนาดยักษ์ โดยเสียค่าเข้างานบริเวณสวนสนุกนี้
คนละ 5,000 วอน (140 บาท) เท่านั้น
ปีนี้เทศกาล Boryeong Mud Festival จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 19-28 ก.ค. 2556
วิธีการเดินทางไปตามนี้เลยค่ะ
- จากกรุงโซล นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน line 3 ไปยัง Seoul Express Bus Terminalแล้วนั่งรถบัสจาก
Seoul Express Bus Terminal ไปสถานีแทชอน รสบัสใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที 
- จากสถานีแทชอน ให้นั่งรถบัสของท้องถิ่น ไปลงที่หาดแทชอนได้เลย ใช้เวลาประมาณ 20 นาที