แอดมินเอาร้านขายเครื่องเขียนน่ารักๆในเกาหลี เผื่อเพื่อนๆที่แวะไปจะซื้อเป็นของฝากหรือนำไปใช้เองก็ไม่ว่ากันค่ะ ร้านแรก Living Arts Store KEY (생활창작가게 KEY) ตั้งอยู่ที่ฮงแดใกล้กับ Airport Subway station ที่นี้มีสินค้าแฮนเมคที่เป็นเอกลักษณ์น่ารักจากฟรีแลนซ์ดีไซนเนอร์หลากหลายค่ะ ร้านถัดมากับ Noldagage Stationery (놀다가게) ตั้งอยู่ใน Lotte Young Plaza ในเมียงดง ร้านแห่งนี้มีคาแร็คเตอร์ตัว Webtoon ดังอย่าง Yame rabbit และ Love revolution นำมาใช้ในสินค้าค่ะ และร้านสุดท้ายกับ Hot Tracks (핫트랙스) ซึ่งเป็นร้านใหญ่ใน ควางฮวามุน (Gwanghwamun) ตั้งอยู่ในร้านหนังสือ Kyobo Book Store ซึ่งร้านแห่งนี้มีครบครันมากค่ะไม่ว่าจะเครื่องเขียนน่ารักไปจนถึงทางการ เป็นอีกหนึ่งร้านที่ขอแนะนำเลยค่ะ สำหรับร้านเครื่องเขียนเพิ่มเติมติดตามได้ที่ http://goo.gl/9aN23i


 

เมืองพูซาน  (สวนสาธารณะยงดูซาน หอคอยพูซาน ตลาดปลา  Piff Square, Haeundae โนริมารุ APEC )  พาท่านชม

เมืองพูซานที่มีประชากรถึง 4 ล้านคน เป็นเมืองอุตสาหกรรมและเป็นเมืองหน้าด่านในการติดต่อการค้าขายทั้งในอดีตและ

ปัจจุบัน  เที่ยวสวนสาธารณะยองดูซานซึ่งเป็นที่ตั้งของหอคอยพูซาน 1 ใน 2 หอยคอยของประเทศเกาหลีใต้ถึง 118 ม.

เหนือระดับน้ำทะเล ชมทัศนียภาพของเมืองและถ้าอากาศแจ่มใส ท่านสามารถมองเห็นประเทศญี่ปุ่นได้ให้ท่านได้ถ่ายรูป

เป็นที่ระลึกกับนักรบผู้ยิ่งใหญ่ - นายพล ยี ชุน ชิน วีรบุรุษของคนเกาหลีในสมัยศตวรรษที่ 16 ในช่วงที่ญี่ปุ่นบุกคาบสมุทร

เกาหลี โดยรบชนะด้วยการใช้เรือรบพิเศษที่เรียกว่า โคบุกซอน หรือเรือเต่า สัญลักษณ์ของการมีอายุยืนยาวและแวะผ่าน

ตลาดปลา ชากาลชิ ซึ่งเป็นที่รู้จักตั้งแต่สมัยสงครามเกาหลี 1950 เป็นต้นมา    แวะย่านเซ็นเตอร์พ้อยพูซาน - นัมโพดอง 

ใกล้ ๆ เป็นที่ตั้งของ PIFF (Busan International Film Festival) สแควร์ สถานที่ตั้งโรงหนังมากมายของเมืองพูซาน และ

ยังเป็นสถานที่ดาราฮอลีวู้ดเกาหลีที่ได้รับรางวัลในแต่ละปีได้ประทับรอยมือไว้เป็นที่ระลึก  มีประติมากรรมทองแดงตั้งอยู่

โดยทั่วไป เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวควรค่าแก่การมาเยี่ยมชม   ไปเที่ยวชายหาด Haeundae บนเกาะ Dongbaek แรกเริ่ม

บริเวณแห่งนี้ มีชื่อเสียงว่าเป็นแหล่งที่ตั้งของน้ำพุร้อน และต่อมากลายเป็นแหล่งพักผ่อนที่ได้รับความนิยมมากในช่วงฤดูร้อน

โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว จะหนาแน่นไปด้วยผู้คน และถึงแม้ว่าในช่วงที่อากาศหนาวเย็น ผู้คนก็ยังคงนิยมเดินเล่นและ

เล่นว่าวท่ามกลางอากาศที่สดชื่นของชายฝั่ง ลักษณะของชายหาดเป็นหาดโค้งเว้ายาว 2 ก.ม.  และน้ำไม่ลึกมากชื่อ

Haseundae ได้มาจากนามปากกา Hae-un ของนาย  Choi-Choi Won นักการเมืองของเกาหลีที่หลงเสน่ห์ของความงามบน

เกาะนี้ และ ชมความงามของรูปปั้นเมอร์เมด และ อาคารกระจกกันกระสุนโนริมารุ APEC ที่ใช้ในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก

ปี 2005 



TAKKALBI or DAKGALBI (ทัคคาลบี้ หรือ ดักคาลบี้) หรือไก่บาร์บีคิวผัดซอส เป็นเมนูอาหารที่สร้างชื่อให้กับเมืองชุนซอน โดยเป็นการนำไก่บาร์บีคิว ข้าวเหนียว มันหวาน ผักต่างๆ ลงผัดรวมกับซอสพริกไทยแดงแบบเกาหลี และวิธีการรับประทานแบบเกาหลี จะนำผักกาดเขียว มาห่อรับประทาน หลังจากทานไปสักพักก็จะมาทำเป็นทัคคาลบีโปคึม หรือข้าวผัดทัคคาลบีโดยนำข้าวสวย และสาหร่ายแห้งมาผัดรวมกับทัคคาลบี ทำให้ได้รสชาติที่น่าทานไปอีกแบบ เสริฟพร้อมกับเครื่องเคียง เช่น โอเด้งปรุงรส กิมจิ หรือน้ำซุปเย็น รสออกเปรี้ยวนิดๆ ส่วนใหญ่แล้วรายการทัวร์จะพาท่านไปทาน ทัคคาลบี้กันแถวๆ เกาะนามิ ซึ่งเป็นแหล่งรวมไก่บาร์บีคิวผัดซอสที่เลื่องชื่อหลายร้าน หลายคนลองชิมแล้วติดใจไปตามๆกัน



Hanjeongsik (ฮันจองซิก) อาหารชุดเกาหลี เป็นเมนูอาหารที่มีต้นกำเนิดมากจากในวัง หรือบ้านขุนนางในสมัยก่อน ที่ให้คุณค่าโภชนาการครบหมู่สารอาหาร จะจัดเป็นชุดๆ โดยทั่วไปจะเริ่มเสิร์ฟที่จานเรียกน้ำย่อยก่อนซึ่งจะเป็นของเย็น และตามด้วยข้าวต้ม หรือโจ๊กอุ่นๆ ตามมาด้วยอาหารจานหลัก ซึ่งจะมีทั้งทอด ต้ม ปิ้งย่าง นึ่ง และบางครั้งก็มีหม้อไฟด้วย สุดท้ายก็จะจบลงเครื่องดื่มของหวานแบบพื้นเมืองตามแต่ละแห่ง เช่น เครื่องดื่มของหวานทำจากข้าว ที่เรียกว่าชิเค ฮันจองซิกจะเป็นเมนูอาหารที่หลากหลาย และขึ้นอยู่กับภูมิภาค และตามฤดูกาล ปัจจุบัน มีการดัดแปลงให้ง่ายขึ้น โดยจะเสิร์ฟมาพร้อมกันทีเดียว ใส่ในชามเล็กๆ ประมาณ 10 กว่าชาม เพื่อลดเวลาในการเสิร์ฟลง ผู้ที่รับประทานสามารถเพลิดเพลินกับอาหารหลากหลายรูปแบบ ที่มีคุณค่าสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่เลยทีเดียว




เทศกาลวัฒนธรรมเครื่องปั้นดินเผาคังจิน (Gangjin Celadon Festival)


 เทศกาลวัฒนธรรมเครื่องปั้นดินเผาคังจิน (Gangjin) จัดเป็นประจำทุกปี ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 27 กรกฎาคม-4สิงหาคม 2556 ที่เมืองคังจิน จังหวัด ชลลานัมโด เมืองคังจินห่างจากกรุงโซลประมาณ 5 ชม. โดยรถประจำทาง)
เมืองคังจินเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาโคเรียวในช่วงศตวรรษที่ 10 ถึง 14 ที่มีชื่อเสียงของประเทศเกาหลี จุดประสงค์ของงาน เพื่อให้ ศิลาดล และมรดกวัฒนธรรมอื่นๆ ของเกาหลี เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ ในเทศกาลนี้จะมีการแสดงประวัติอันเก่าแก่ของเครื่องปั้นดินเผาโคเรียว กว่า 500 ปี พร้อมกับชมนิทรรศการเครื่องปั้นดินเผาจำลองในแบบโบราณ และชมการสาธิตการปั้นและการอบครื่องปั้นดินเผา นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถชมวิธีการปั้นเครื่องปั้นดินเผาแบบโบราณ และยังสามารถทดลองทำได้ด้วยตนเอง
นอกจากนี้ในงานยังมีการแสดงศิลปะวัฒนธรรมพื้นเมืองต่างๆ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ eng.gangjinfes.or.kr



ยงเพียงสกีรีสอร์ท เป็นสกีรีสอร์ทที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวมานาน ถือเป็นสกีรีสอร์ทยอดฮิตเลยก็ว่าได้ แถมที่นี่เคยเป็นที่ถ่ายทำซีรีย์เรื่องดัง “Winter Love Song” และยังเป็นที่จัดงานกีฬาฤดูหนาวระดับโลก พวก World Cup Ski Contest และเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฤดูหนาวแห่งเอเชียปี 1999 ด้วยน่ะ


ยงเพียงสกีรีสอร์ทตั้งอยู่ที่ภาคตะวันออกของประเทศเกาหลีใต้ ในจังหวัดคังวอนโด Gangwon-Do การเดินทางจากโซลไปก็ใช้เวลาพอสมควร ประมาณ 2.30-3.30 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรด้วย เพราะถ้าไปช่วงเทศกาล รถจะติดมาก) ที่นี่เค้าทำเนินสกีไว้หลากหลาย ให้สำหรับนักท่องเที่ยวเลือกบริการตามความถนัดของตัวเอง มีเนินแบบเตี้ยๆ สำหรับผู้ที่เคยเล่นสกีเป็นครั้งแรก แบบว่าลองทดสอบเดินโดยใส่รองเท้าสกี หรือจะเป็นสำหรับนักสกีสมัครเล่นมือใหม่พอเล่นได้บ้าง และ สำหรับนักสกีมืออาชีพผู้เชียวชาญมีใบอนุญาติการเล่นสกี รวมๆแล้วมีราวๆ 31 เนินได้ (ถือว่าเป็นสกีรีสอร์ทที่ใหญ่มากเป็นอันดับต้นๆของประเทศ) ถ้านักท่องเที่ยวบางคนไม่เน้นเล่นสกี แต่เน้นถ่ายรูป ชมวิว ก็สามารถขึ้นกอนโดล่า ไปชมวิวบนยอดเขา Balwangได้อีกด้วย ด้านบนเขาจะเป็นลานสกีขนาดใหญ่ เห็นวิวภูเขาสวยมาก และอากาศก็จะหนาวมากด้วย ตอนกลางคืนหากใครอยากจะออกมาเดินเล่นก็ได้น่ะ ถ่ายรูปชมวิวไปเรื่อยๆจะมาสะดุดตากับหอนาฬิกา ที่บอกที่ทั้งเวลา และ อุณหภูมิ ตัวใหญ่เลย (ตกใจตรงอุณหภูมิที่มานติดลบสิบกว่าๆเนี่ย 555+) ตอนกลางคืนหนาวมากจริงๆ
และในปี 2013 ที่นี่เค้าถูกใช้เป็นที่จัดเทศกาลสำหรับคนไทย เรียกว่าเทศการหิมะเมษายน 2556 หรือ April Snow Festival 2013 มีจัดขึ้นในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ซึ่งโดยปกติในช่วงเมษายนจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ หิมะจะละลายหมดแล้ว แต่ที่นี่เค้าจะทำหิมะเทียมขึ้นมา เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวไทยไปเล่น ไปสัมผัสประเทศเกาหลีใต้ 2 ฤดูกาล ในครั้งเดียว และแถวๆๆยงเพียงสกีรีสอร์ท ยังมีที่เที่ยวอื่นๆให้แวะอีกมากมาย เช่น อุทยานแห่งชาติซอรัคซานให้นักท่องเที่ยวได้แวะชมอีกด้วย
ป้อมฮวาซองถือเป็นโบราณสถานเก่าแก่ สร้างประมาณ 200 กว่าปีมาแล้ว ในสมัยโชซอน ช่วงของพระเจ้าจองโจ เดินทางได้ง่ายๆ จากโซลก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน สาย 1 ไปลงที่สถานีซูวอน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงหน่อยๆ และต่อรถเมย์สาย 11, 13, 36 หรือ 39 (ป้ายฝั่งเดียวกับ Tourist Information) รถเมล์จะวิ่งผ่านป้อม Paldalmun เข้าไปภายในวงล้อมกำแพง บรรยากาศโดยรอบก็จะเป็นแนวกำแพงยาวๆ มองดูแข็งแรงมั่นคง สมกับที่เป็นป้อมปรการที่ยิ่งใหญ่ในอดีต สร้างด้วยหินกับอิฐเผา มีป้อมอยู่รอบๆ เป็นช่วงๆ ตลอดแนวกำแพง หากใช้เวลาเดินให้รอบจริงๆ อาจต้องใช้เวลาเป็นวัน และคงเดินกันเมื่อยเลยทีเดียว เนื่องจากป้อมนี้มีขนาดกว้างใหญ่และยาวถึง 5.5 กิโลเมตรโอบล้อมรอบเมืองซูวอน ผู้คนส่วนใหญ่มักเห็นว่าป้อมมีรูปร่างเหมือนดอกไม้ บางคนจึงเรียกว่า ป้อมดอกไม้ นักท่องเที่ยวที่ไม่อยากเดิน ก็มีบริการรถไฟหัวมังกรสีแดงทั้งคัน แบ่งที่นั่งเป็นตอนๆ ให้นักท่องเที่ยวนั่งรถไฟชมป้อมพร้อมเก็บภาพสวยๆ จากบนรถไฟด้วย รถไฟจะแล่นมาถึงจุดสุดท้ายที่จุดซ้อมยิงธนู มีผู้คนมาลองยิงธนูพร้อมถ่ายรูปกันมากมาย ซึ่งถือว่าเป็นกีฬาโบราณของเกาหลี ที่เป็นที่นิยมมากในสมัยก่อน นักท่องเที่ยวสามารถมาประลองความเม้นยำกันได้ ที่ป้อมฮวาซองนี้ เป็นที่จัดงานสำคัญๆ หลายงาน ของเมือง เนื่องจากถือว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองซูวอน อาทิเช่น งานฉลองปีใหม่ ชาวเมืองซูวอน และใกล้เคียงก็จะมาร่วมเฉลิมฉลองกันที่นี้ หรืองานเทศกาลๆอื่นๆของเมืองก็ล้วนจัดที่ป้อมนี้เช่นกัน เป็นที่เที่ยวเกาหลีอีกที ที่คนนักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเลย ใครที่ไปเที่ยวเกาหลี มาหลายรอบแล้ว คงจะได้แวะไปเยี่ยมชมความยิ่งใหญ่ของป้อมฮวาซองนี้กันนะค่ะ



ที่เที่ยวแห่งใหม่ในเกาหลี ตั้งชื่อตามสีสันของอาคารที่ฉูดฉาด มีการเล่นสีตามตัวอาคารแบบงดงาม เหมาะสำหรับไปเก็บภาพถ่ายที่ให้สีสันสวยงาม สามารถเดินทางไปได้ทั้งปี โดยจะอยู่ในเมืองพาจู (Paju)ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงโซล ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร หรือถ้าลงจากเครื่องบินที่สนามบินอินชอน ก็ขึ้นเหนือไปไม่ไกลมาก อยู่ติดชายแดนของเกาหลีเหนือเลยทีเดียว หมู่บ้านโพรวองซ์นี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการถ่ายรูปเป็นอย่างยิง  

รับรองว่าท่านจะต้องประทับใจ และได้ภาพสวยๆกลับบ้านติดไม้ติดมือไปคนละไม่น้อยทีเดียว นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศสไตล์ฝรั่งเศส ทำให้เป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านที่คนเรียกกัน เรียกได้ว่ามาเที่ยวเกาหลี และยังได้บรรยากาศแบบยุโรปด้วย ภายในหมู่บ้านถูกเติมแต่งความสดใสไว้อย่างงดงาม บ้านเรือนที่ถูกระบายสีสันต่างๆ มองดูหวานๆ ให้สีสด เหมือนลูกกวาดหลากสี จึงทำให้หมู่บ้านนี้ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า หมู่บ้านสีลูกกวาด บางที่ก็เรียกว่า หมู้บ้านฝรั่งเศส นั้นเอง ด้านในมีร้านค้าที่จัดร้านน่ารักๆ กุ๊กกิ๊กๆ สมกับเป็นเกาหลี ทั้งร้านขายเบเกอรี่ กิ๊ฟช้อป ร้านขายเครื่องครัว ร้านขายต้นไม้และดอกไม้ ร้านขายไอศกรีม ให้นักท่องเที่ยวได้ทั้งช้อป ทั้งชิม ทั้งแชะ จึงเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกทีหนึ่งของเกาหลีใต้เลยทีเดียว ถึงแม้บริเวณรอบๆหมู่บ้านจะมีพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก ใช้เวลา 30 นาที ก็น่าจะถ่ายรูปเก็บภาพสวยๆได้ทั่วแล้ว แต่เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากโซลมากทำให้นักท่องเที่ยวแต่ละวันมีจำนวนมากทีเดียว โดยไม่คิดค่าเข้า เรียกได้ว่าคุ้มสุดคุ้ม และที่สำคัญมีละครหลายเรื่องก็มาถ่ายทำ และใช้ location ของที่นี่ เช่นกัน เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวในเกาหลี ที่คนไทยนิยมไปกัน




เดือนเมษายน เทศกาลผีเสื้อฮัมเปียง และแมลง (Hampyeong Butterfly Festival) จัดขึ้นที่ อุทยานริมน้ำฮัมเปียงและพื้นที่เกษตรกรรมสิ่งแวดล้อมฮัมเปียง จังหวัดชลลานัม-โดเดินทางโดยรถโดยสารจากสถานีขนส่งโซลไปยังฮัมเปียง จังหวัดชลลานัม-โด แล้วเดินต่อไปอีก 5 นาที ผู้เข้าชมจะได้เห็นถึงความอัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่รวมความยิ่งใหญ่ของผีเสื้อและแมลงนับหมื่นๆตัว มาบินให้นักท่องเที่ยวได้ชมบริเวณเหนือทะเลแห่งดอกไม้นานาพรรณในพื้นที่ถึง 33 ล้านตารางเมตรในเมืองฮัมเปียง ซึ่งในปี 2003 ได้ถูกกำหนดให้เป็น "เทศกาลการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม" ด้วย ภายในงานยังมีนิทรรศการผีเสื้อ มีการศึกษาการบินของผีเสื้อ จัดแสดงตัวอย่างของผีเสื้อและแมลงอื่น การประกวดภาพเขียนและการแสดงต่างๆ อีกมากมาย




จังหวัดคังวอน ชม TEDDY BEAR FARM สวรรค์ ของผู้ชื่นชอบตุ๊กตาหมี TEDDY BEAR ที่นี่เป็นที่จัดแสดงเกี่ยวกับหมีเท็ดดี้จากทั่วโลก ตื่นตาตื่นใจกับความน่ารักของตุ๊กตาหมีที่นำมาแต่งตัวแบบเกาหลีในยุค และเทศกาลต่างๆ โดยจัดเป็นโซนไว้อย่างลงตัว ท่านจะได้พบกับหมี ALFRED ในละคร  PRINCESS HOUR,  ตุ๊กตาหมีแนว  HIP HOP หมีในชุดนางเงือกที่ท่านอาจไม่เคยพบเห็นที่ไหน หมีในรูปแบบอิริยาบถต่างๆ รวมถึงสวนขนาดย่อมที่ผนังตกแต่งไปด้วยโมเสดรูปหมี ให้ท่านได้สัมผัสตุ๊กตาหมีตัวโตแบบแนบชิดและเก็บภาพความประทับใจ เพลิดเพลินกับความน่ารักของบรรดาหมีเท็ดดี้หลากหลายชนิด 
ค่าเข้าผู้ใหญ่ 5000 วอน

Added on 09:53



สวนเทพนิยายเกาหลี Korea Venezia หรือ Herb Island แหล่งนี้ตั้งอยู่ใน Pochon  จังหวัด  Gyeonggi เป็นสวนพฤษชาติสมุนไพรในร่มที่ใหญ่มาก บวกกับจำลองบรรยากาศคล้ายกับประเทศอิตาลี สวนเทพนิยายเกาหลี ประกอบไปด้วยโซนต่างๆๆ หลายโซนอาทิ น้ำพุเทรวี และเมืองโรแมนติกอย่างเวนิซ ที่ท่านสามารถนั่งเรือกอนโดล่าได้ที่นี่ ไม่ต้องไปไกลถึงอิตาลี   โซนส่วนสวนสมุนไพร โซนสวนดอกไม้นาๆๆชนิด โซนของที่ระลึก   ท่านสามารถหาความสุขได้ไม่แค่ได้ชมเท่านั้น ท่านยังสามารถชิมขนมขึ้นชื่อ และดื่มชาสมุนไพรได้  ขนมปังกระเทียมที่ขึ้นชื่อ มาแล้วต้องลองแวะชิมดูว่าอร่อยที่สุดในเกาหลี และอร่อยที่สุดในโลกหรือเปล่า กับบรรยากาศสบายๆๆ น่ารักๆๆ ในสวนเทพนิยายแห่งนี้
สถานที่ตั้ง: 517-2 Samjeongri, Sinbukmyeon, Pocheon-si, Gyeonggi-do.
ค่าเข้าคนละ 3000วอน



เรารู้กันดีว่า ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของการบำรุงรักษาความงาม ผู้คนก็ใช้อาหารและพืชจากธรรมชาติเป็นเครื่องมือในการบำรุงผิวพรรณ และตกแต่งร่างกายมาโดยตลอด ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายสิบปี นักพัฒนาและผู้วิจัยได้ทำการพัฒนาสิ่งต่างๆ ทั้งที่มาจากอาหาร, พืช, ผลไม้ต่างๆ ให้กลายไปเป็นเครื่องบำรุงผิวอย่างหลากหลาย Skinfood ได้เป็นบริษัทที่เริ่มต้นในประเทศ
เกาหลี โดยเริ่มเป็นธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้หญิง
ชื่อ Skinfood ถูกตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1957 โดยกลุ่มนักธุรกิจในประเทศเกาหลี แต่ไม่ได้พัฒนาในเชิงการค้า จนถึงปี ค.ศ.2004 จึงได้เปิดเป็นเปิดเป็นร้านค้า Skinfood ในแขวง เมียงดง ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ จากนั้นก็ได้ขยายสาขาออกไปยังจุดต่างๆ อย่างกว้างขวาง ซึ่งนับเป็นบริษัทประเภทเครื่องสำอางที่มีอัตราการเติมโตเร็วเป็นอันดับต้นๆ ในประเทศเกาหลี และด้วยสารตั้งต้นของผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ จึงเป็นเครื่องสำอางที่ผู้คนนิยมเลือกใช้ 
Skinfood ได้เปิดสาขานอกประเทศเกาหลีใต้เป็นครั้งแรก ในเดือนเมษายน ค.ศ.2005 ที่ประเทศใต้หวัน และในเดือนกันยายน ค.ศ.2005 ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของเอเชียที่สามารถยืนหยัดในระดับนานาชาติได้ หลังจากปลายปี คศ.2005 เป็นต้นมา ก็ได้ทำการเปิดการสาขาจำหน่ายในประเทศสิงคโปร์, ไทย, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, และ อินโดนีเซีย ตามลำดับ
ความสำเร็จที่ได้รับความเชื่อใจจากผู้ใช้ ในผลิตภัณฑ์ Skinfood ก็คือ ที่มาของส่วนประกอบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ ที่ใช้ส่วนประกอบจากพืช ซึ่งผลที่ได้จากการสกัดจะไม่มีสี และไม่ใช้สารกันเสีย
ยังมีผลิตภัณฑ์ที่กำลังถูกคิดค้นใหม่อยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาคุณภาพเพื่อตอบสนองและรักษาผิวพรรณของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์จาก Skinfood ทุกท่าน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตามเจตจำนงของผู้ก่อตั้งว่า "เราทำผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น เสมือนประหนึ่งทำให้คนในครอบครัวเดียวกันเสมอ"